Q : GP คืออะไร ?
A : GP ย่อมาจากคำว่า Gross Profit
เป็นค่าบริการระบบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ค่าพนักงาน ค่าระบบในการขาย อุปกรณ์ และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ การบริการทุกขั้นตอน รวมไปถึงสิทธิพิเศษต่างๆ อื่นๆอีกมากมาย ไม่รวม ภาษีมูลค่าเพิ่ม (vat) 7%
ตัวอย่าง บริษัทต่างๆที่ใช้เงื่อนไขแบบ GPเช่น GrabFood,
Foodpanda, 7-11, ที่มีการหัก GP% ของร้านค้าต่างๆที่นำสินค้ามาฝากขาย โดยค่า GP จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท เฉลี่ยอยู่ที่ 30-35% (ไม่รวม Vat) อ้างอิงจาก wongnai
ตัวอย่าง การคำนวณเพิ่มเติม
ราคาก่อน VAT = ราคารวม VAT x 100/107
EX. เมื่อขายสินค้าได้ 100 บาท
นำไปคำนวณ vat 7% = 93.46 บาท
93.46 บาท คือยอดขายหลังหักvatแล้ว
ตัวอย่างสินค้าราคาขาย 100 บาท หากแบรนด์ฝากขายเลือกแพ็กเกจ
GP 15% จะคำนวณยอด ดังนี้ 93.46 - 15% = ยอดขายที่แบรนด์จะได้รับ 79.44 บาท
GP 25% จะคำนวณยอด ดังนี้ 93.46 - 25% = ยอดขายที่แบรนด์จะได้รับ 70.10 บาท
GP 40% จะคำนวณยอด ดังนี้ 93.46 - 40% = ยอดขายที่แบรนด์จะได้รับ 56.08 บาท
Q : เมื่อฝากขายเเล้วจะได้รับยอดขายวันไหน ?
A: เมื่อคำนวณค่า GP ของแบรนด์ฝากขายในแต่ละเดือนแล้ว ทางบริษัทจะดำเนินการโอนเงินส่วนที่เหลือไปยังบัญชีของแบรนด์ฝากขายโดยตรงในวันที่ 10 ของทุกเดือน
Q : การเปลี่ยนแพคเกจ ค่าเช่า / GP สามารถเปลี่ยนได้ไหม ?
A : แพคเกจมีให้เลือก 3 แบบ อายุสัญญา 3/6/12 เดือน สามารถเปลี่ยนรูปแบบได้เมื่อครบสัญญา 3/6/12 เดือน
*ไม่มีค่าประกัน*
Q : หากต้องการปรับ ลด เพิ่ม เปลี่ยนราคาทำได้หรือไม่ อย่างไร ?
A : สามารถกดปรับ เพิ่ม ลด ราคาในระบบได้เลยค่ะในส่วนของสติกเกอร์บาร์โค้ด สามารถพิมพ์จากที่บ้านของทางผู้ฝากขายส่งมาให้ทางเราติดให้ หรือ สามารถใช้บริการ พิมพ์บาร์โค้ดใหม่ + ติดให้ก็ได้เหมือนกันค่ะ โดยจะมีค่าบริการชิ้นละ 2 บาทนะคะ
Q : ค่าบริการสาถานที่สามารถจ่ายเป็นรายเดือน /แบ่งเป็นงวดได้ไหม ?
A : ปัจจุบันสามารถชำระค่าบริการผ่านบัตรเครดิตได้แล้วค่ะ สามารถขอแบ่งจ่ายผ่านบัตรเครดิตได้เลย
Q : กรณีเบิกของย้ายสาขา รหัสสินค้าหรือ บาร์โค้ด สามารถใช้ตัวเดียวกันได้ไหม?
A : สามารถใช้บาร์โค้ดเดิมได้เลยค่ะ ไม่ต้องเปลี่ยนใหม่
Q : หากหมดสัญญา 3 เดือนสามารถต่อไปเป็นรายเดือนหรือต้องเปลี่ยนแพคเกจเดือนที่เหลือต่อจากสามเดือนสามารถจ่ายเป็นรายเดือนรึเปล่า ?
A : หากครบ 3/6/12 เดือน สามารถต่อสัญญาเพิ่มอีก 3/6/12 เดือน โดยสามารถเปลี่ยนราคาแพคเกจใหม่ได้ค่ะ
Q : การเบิกสินค้าจากสาขา ... ไป สาขา ...ทำได้ไหม / อย่างไร ?
A : สามารถกดเบิกสินค้าในระบบ และเเจ้งเข้ามายังสาขาที่ต้องการเบิกได้เลย เมื่อทีมงานนับของเตรียมของเสร็จแล้ว จะให้จัดส่งสินค้าไปยังสาขาต่างๆ ผ่านทาง Grab หรือ ขนส่งอื่นๆ ได้ โดยผู้ฝากขายรับผิดชอบค่าจัดส่งเอง ( ตามที่ระบุในสัญญา ) ทั้งนี้ค่าขนส่งขึ้นอยู่กับจำนวนและน้ำหนักของสินค้าด้วยนะคะ
Q : หากเจอสินค้าผิดลิขสิทธิ์ ?
A : หากพบเจอสินค้าผิดกฎหมาย หรือผิดลิขสิทธิ์ทางบริษัทขอยุติการขายสินค้าชนิดนั้น และส่งกลับคืนผู้ฝากขายทันทีโดยค่าจัดส่งผู้ฝากขายเป็นผู้รับผิดชอบ
Q : สอบถามเรื่องภาษีของผู้ฝากขาย ?
A : ภาษีเงินได้ที่ทางบริษัทยื่นไปจะเป็นในส่วนของรายได้จากบริษัทเท่านั้นค่ะ ไม่ได้ยื่นในส่วนของทางเเบรนด์ฝากขายนะคะ แต่หากทางแบรนด์มีรายได้จากการขายอื่นๆรวมแล้วอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี ทางแบรนด์จะต้องนำรายได้ดังกล่าวไปยื่นในนามบุคคลธรรมดาค่ะ
Q : กรณีห้างปิดเพราะ โควิด ?
A : ทางบริษัทจะคงอายุสัญญาไว้ถึงวันที่นั้นๆ จนกว่าห้างจะกลับมาเปิดอีกครั้ง เเละยึดอายุสัญญาต่อจากเดิมในวันที่ห้างเปิดวันสุดท้าย
Q : กรณียอดขายลดลงสามารถขอส่วนลดเพิ่มเติมได้ไหม ?
A : กรณีค่าเช่าสถานที่ยังคงเดิม ทางบริษัทยังไม่สามารถลดให้ได้ เนื่องจากภาระค่าเช่าสถานที่ยังคงเดิมอยู่ ทางบริษัทจะมีส่วนลดเพิ่มเติมให้ เมื่อทางเจ้าของสถานที่ได้ลดราคาค่าเช่าพื้นที่ให้ หรือ มีสิทธิพิเศษเพิ่มเติมเช่น การวางขายฟรีค่าสถานที่เป็นต้นค่ะ
Q : วันที่เริ่มสัญญานับยังไง?
A : ทางแบรนด์จัดส่งสินค้าเข้ามายังสาขาภายในวันที่ 25 -30 ของแต่ละเดือน เริ่มนับระยะเวลาสัญญาวันที่ 1 ของทุกเดือน เช่น 1/01/65-31/03/65 เป็นต้น
Q : หากต้องการเพิ่มสต๊อกสินค้ามากกว่า 40 cm ทำได้ไหม?
A : สามารถทำได้โดยสมัครใหม่เพิ่มอีก 1 แบรนด์ และชำระค่าบริการเพิ่ม 1 แบรนด์ค่ะ
Q : สินค้าใส่แพคเกจไหนดี ต้องแปะโลโก้มั้ย?
A : แนะนำให้ใส่เพื่อป้องกันฝุ่นรอยเปื้อนทุกชิ้น ควรแปะสติกเกอร์โลโก้แบรนด์เพื่อเพิ่มความโดดเด่นน่าซื้อ
Q : วางสาขานี้แล้ว วางสาขาอื่นด้วยได้มั้ย
A : สามารถวางขายได้ทุกสาขา หากวางขายทุกสาขาจะได้รับส่วนลดค่า GP 10%
Q : มีสต๊อกไม่ถึง 100 ชิ้น วางขายได้มั้ย
A : สามารถทำได้ มีเพียงสินค้า 1 ชิ้นก็ฝากขายได้
Q : หากทำสัญญาแล้วต้องส่งของให้ทุกสาขาเลยมั้ย
A : สามารถเลือกสาขาที่สนใจได้ สัญญา 1 ฉบับ ต่อการวางขาย 1 สาขา การจัดส่งจะส่งไปยังสาขาที่สมัครฝากขายโดยตรงเพื่อความรวดเร็วในการวางขายหน้าร้าน
Q : ตำแหน่งในการวางสินค้าเหมือนกันมั้ย
A : ทางร้านจะทำการจัดวางตำแหน่งตามประเภทสินค้า เช่น กระเป๋า เสื้อ อยู่บนราว สติกเกอร์ อยู่บนโต๊ะ โปสการ์ดอยู่ในชั้นวางแบบหมุนได้ โดยแต่ละเดือนจะมีการสลับตำแหน่งเพื่อให้เท่าเทียมกันในทุกแบรนด์ การวางสินค้าบนชั้นวาง เพื่อเป็นการกระจายสินค้าให้เท่าเทียมกัน หน้าร้านแต่ละสาขาจะวางสินค้า ชนิดละ 3-5 ชิ้น
Q: แพคเกจไหนคนเลือกเยอะมากกว่ากัน
A : แพคเกจมีให้เลือก 3 แบบขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละแบรนด์ ทางแบรนด์ควรคำนวณงบประมาณเบื้องต้น
เช่น หากทำยอดขายได้เท่านี้ ควรใช้แพคเกจไหนจะคุ้มค่ามากที่สุด
Q: สินค้าประเภทไหนขายดีที่สุด
A :แต่ละทำเล แต่ละจังหวัดจะมีสินค้าขายดีที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทรนด์ กระแสนิยมในช่วงเวลานั้นๆ
Q: สามารถวางขายสินค้าได้กี่ประเภท
A :ไม่จำกัดประเภทสินค้า ไม่ผิดกฏหมายเท่านั้นค่ะ
Q: ทางแบรนด์สามารถส่งชั้นวางไปด้วยได้มั้ย
A :ได้ แต่ต้องมีรูปแบบที่เข้ากับการตกแต่งของทางร้านแต่ละสาขา สามารถทำการส่งรูปมาเพื่อพิจารณาได้ค่ะ
Q: กระดาษบาร์โค้ดแต่ละชนิดแตกต่างกันยังไง
A : แตกต่างกันที่ขนาดสติกเกอร์ เนื่องจากข้อจำกัดในระบบมิลติแบรนด์ที่ใช้ในการจัดการพิมพ์บาร์โค้ด ทางบริษัทแนะนำให้ใช้กระดาษ E-060 จะสะดวกรวดเร็วมากที่สุด ในการดำเนินการ